วันที่ 26 มี.ค. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงโพสต์ภาพ พระพุทธรูป ในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ โดยทรงโพสต์ข้อความว่า

“สวัสดีวันอังคารค่ะ ดิฉันเกิดวันพฤหัสไม่ใช่วันอังคาร พระประจำตัวของดิฉันจึงเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระที่ดิฉันสร้างเพื่อทำบุญเมื่อหลายปีก่อน วันนี้เอามาแชร์ให้ดูกันเพราะดิฉันได้สวดมนตร์ทำสมาธิเพื่อแผ่ส่วนกุศลและแผ่เมตตาเนื่องในวันเกิดของดิฉันซึ่งใกล้ๆ จะมาถึงแล้วในเดือนหน้านี้ ดิฉันขอนำบุญมาฝากให้พวกเราทุกคนให้ทุกคนมีความสุข คิดอะไรก็สมปรารถนา มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ทำมาค้าขึ้นเทอญ สาธุ #เอาบุญมาฝาก #แผ่ส่วนกุศลให้แก่ทุกคนที่กำลังอำนวยพรแก่ดิฉัน #อนุโมทนาสาธุนะคะ”

เวลาต่อมา มีผู้ติดตามอินสตาแกรมรายหนึ่ง ได้โพสต์กราบทูลตอบว่า “สาธุเพคะอย่าใส่ใจพวกพูดไม่จริง มโนไปได้ตลอด” ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงตอบว่า “ไม่สนใจหรอกใครอยากด่าก็แผ่เมตตาให้”








khaosod.co.th

ประวัติความเป็นมาของรอยพระบาท ปี พ.ศ.๒๔๙๗ เริ่มสถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดเชียงราย พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้ส่งผู้ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่งเข้ามาทางภาคเหนือของประเทศไทย เพื่อแสวงหาแนวร่วมพื้นฐาน เป็นชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน จว.เชียงราย ,ชายแดน จว.พะเยา ในปัจจุบัน หลังจากได้ปลุกระดมชาวไทยภูเขาบางพื้นที่ประสบผลสำเร็จ ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ได้คัดเลือกแนวร่วมบางส่วนเพื่อส่งไปอบรมวิชาการเมืองและการทหารรุ่นแรกที่ เมืองฮัวมินห์ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนาม เพื่อกลับมาเตรียมปฏิบัติงานในพื้นที่ไว้รอรับสมาชิก พคท. ซึ่งได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการชี้นำ ด้านการเมืองและการทหาร เมื่อสามารถขยายผลงานได้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง พคท.จึงเปิดฉากการต่อสู้ด้วยอาวุธกับเจ้าหน้าที่ในภาคเหนือขึ้นเป็นครั้งแรก ที่บ้านน้ำปาน ตำบลนาไร่หลวง อ.ทุ่งช้าง จว.น่าน เมื่อ วันที่ ๒๖ ก.พ.๒๕๑๐ ซึ่งถือว่าเป็นวัน “เสียงปืนแตก” ของ พคท.ในเขตภาคเหนือ ต่อจากนั้นได้มีการต่อสู้เรื่อยมา โดยในวันที่ ๑๐ พ.ค.๒๕๑๐ ได้มีการต่อสู้กับหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล ที่บ้านห้วยชมภู ต.ยางฮอม อ.เทิง จว.เชียงราย (เป็นครั้งแรกในเขตพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น)




เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ พคท. สามารถจัดตั้งฐานที่มั่นในภาคเหนือได้ถึง ๙ แห่ง และฐานที่มั่นที่สำคัญแห่งหนึ่งคือ “ฐานที่มั่นดอยยาว-ดอยผาหม่น” จ.เชียงราย พคท.ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการจังหวัดเชียงราย” แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๔ เขตงาน คือ เขตงาน ๕๒ , เขตงาน ๙ , เขตงาน ๗ และ เขตงาน ๘




สำหรับพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น เป็นพื้นที่ควบคุมของ เขตงาน ๘ ในเขต อ.เทิง และ อ.เชียงของ จว.เชียงราย รวมพื้นที่ อ.เวียงแก่น และ อ.ขุนตาล ในปัจจุบันด้วย กองกำลังติดอาวุธของ พคท.ในขณะนั้นมีประมาณ ๖๐๐ คน มีมวลชนซึ่งส่วนใหญ่ชาวเขาเผ่าม้ง ประมาณ ๒,๓๐๐ คน ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการสร้างทาง และ การพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคง การสู้รบ ณ สมรภูมิแห่งนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น ยุทธการอิทธิพลชัย (วีรกรรมดอยม่อนเคอ) , ยุทธการขุนน้ำโป่ง และยุทธการเกรียงไกร(วีรกรรม ณ เนิน ๑๑๘๘ ดอยพญาพิภักดิ์) โดยใช้กำลังทหารในพื้นที่ จว.เชียงราย เข้าปฏิบัติการกวาดล้าง และปราบปราม พคท. ตามคำสั่งกองทัพภาคที่ ๓ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๓ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๑ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๒๕ จึงสามารถกำชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือ พคท.




เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ กองพันทหารราบที่ ๔๗๓ ซึ่งมี พ.ท.วิโรจน์ ทองมิตร เป็นผู้บังคับหน่วย (ตำแหน่ง ปกติ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๑๗) ได้นำกำลังทหารเข้าปฏิบัติการพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น ตามแผนการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ จนเกิดยุทธการยึด เนิน ๑๑๘๘ บนดอยพญาพิภักดิ์ ได้

วันที่ ๒๗ ก.พ.๒๕๒๕ ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช องค์จอมทัพไทย , สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ , สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ ได้เสด็จฯ เพื่อเยี่ยมเยือนทหารหาญและราษฎร ณ ฐานปฏิบัติการ ดอยพญาพิภักดิ์ บนดอยยาว เขต อ.เทิง จว.เชียงราย (ปัจจุบันเป็นเขต อ.ขุนตาล) และในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน ประทับรอยพระบาทของพระองค์ ลงบนแผ่นปูนปลาสเตอร์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ทหารกล้าทั้งปวง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน รอยพระบาท ได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานอยู่ ณ ศาลารอยพระบาท บริเวณด้านหน้า กองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๑๗ ในพระองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของกำลังพลคู่กับอนุสาวรีย์ผู้เสียสละและให้สาธารณชน เยาวชนคนรุ่นปัจจุบัน รวมถึงนักท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ได้เข้ามาเยี่ยมชมสืบต่อไปและ ปัจจุบันได้มีการสร้างศาลาเพื่อประดิษฐาน รอยพระบาท ไว้บนดอยโหยด ค่ายเม็งรายมหาราชเสร็จเรียบร้อยแล้ว

จะมีพิธีการสมโภช และได้มีพิธีอัญเชิญรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไป ประดิษฐาน ณ ที่แห่งใหม่ เมื่อ วันอังคารที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อเฉลิมฉลองในวันฉัตรมงคล สำเร็จ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ คณะกรรมการ กกต.มีมติเอกฉันท์ ให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร จากนิวซีแลนด์ ทั้ง 1,542 ใบ เป็นบัตรเสีย เนื่องจากจัดส่งไม่ทันเวลานับคะแนน พร้อมกับบัตรเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม นอกจากในโลกโซเชียลจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักแล้ว คนไทยที่ออกไปใช้สิทธิที่ประเทศนิวซีแลนด์เองก็เสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ความผิดพลาดครั้งนี้เช่นกัน

นางสาวจิณณะ (สงวนนามสกุล) นักเรียนไทยในนิวซีแลนด์ เผยว่า รู้สึกเซ็งกับผลที่ออกมาว่าเป็นบัตรเสีย เพราะลงทะเบียนไปว่าไปเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่วัด ซึ่งวัดไทยอยู่ห่างจากเมืองไปพอสมควร แต่อย่างเรามีรถยังสะดวกแต่คนอื่นๆ ต้องเรียกรถบัส หรือรับจ้างไปบ้าง ซึ่งค่ารถเริ่มต้นก็อยู่ที่ 800 บาท จากเมืองโอ๊คแลนด์ไปที่วัด ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อไปถึงแล้ว กว่าจะได้ใช้สิทธิก็แสนลำบาก คนเยอะ แถมเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันอย่างล่าช้า




ขณะที่ทางด้าน นายวนัสบดี (สงวนนามสกุล) หนุ่มไทยที่เดินทางไปเรียนภาษา และออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่นิวซีแลนด์ ก็เผยว่า รู้สึกโกรธ ที่ตอนแรกบอกว่าอาจจะเป็นบัตรเสีย ก็คิดว่าด้วยข้อกฎหมายว่าเป็นเหตุสุดวิสัย และมันก็เป็นความผิดของ กกต.เองด้วย ก็คงไม่ได้วินิจฉัยให้เป็นบัตรเสียหรอกมั้ง แต่พอตัดสินออกมาว่าเป็นบัตรเสียจริงๆ ก็โกรธนะ โกรธที่เราทำอะไรกับกลุ่มคนกลุ่มนี้ไม่ได้เลย โกรธที่เค้าไม่เห็นความสำคัญของเสียงพวกเราเลย เดินทางไปเลือกตั้งนี่ต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินนะ บางคนต้องลางาน ต้องทำอะไรหลายอย่างมากเพื่อจะไปเลือกตั้ง แต่กลับมาตัดสินว่าบัตรเราเป็นบัตรเสียกันง่ายๆ แบบนี้เลย




แล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีคำถามอีกหลายอย่างมากๆ ที่ กกต. ยังตอบคำถามไม่ได้ ความไม่ชอบมาพากล งงว่าใช้งบเยอะขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีประสิทธิภาพเลย แล้วจะไปเรียกร้องอะไรจากใครก็ไม่ได้ สงสารประเทศ สงสารคนในประเทศอะ ประเทศเรามันควรจะดีกว่านี้ได้ คนในประเทศควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แต่นี่เราเสียเงินจ้าง กกต.ให้ดำเนินการเลือกตั้งให้ประเทศเรา แล้วก็ทำงานแบบไร้ประสิทธิภาพ ไม่เห็นหัวประชาชนคนที่เสียภาษี แถมตรวจสอบอะไรก็ไม่ได้ มันน่าเจ็บใจนะ


ขอบคุณที่มาจาก amarintv

วันนี้ (26/03/2562) อุ๊ หฤทัย นักร้องชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า “หฤทัย ม่วงบุญศรี” โดยตั้งคำถามถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่



ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) นายธนาธรแถลงยืนยันว่าตัวเองพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนารคตใหม่จะไม่เสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้ขัดกับหลักการประชาธิปไตย โดยโพตส์ดังกล่าวระบุว่า “ธนาธร พร้อมเป็นนายกฯจริงๆใช่ไหมอะ คุณพร้อมจะสนับสนุน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ใช่ไหมคะ? หรือคุณคิดแบบเลขาธิการพรรค? ตอบได้จะดี”

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ยอมรับเลยว่า ช่วงหลัง​ไม่ค่อยสนใจข่าวการเมือง​มากนัก แต่เมื่อ2วันก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนคุณ​พ่อ เห็น​คุณ​พ่อดูข่าวการเมือง ได้เห็​นนายปิยบุตร​ แสงกนกกุล บรรยาย​แนวความคิด​ที่รุนแรง​เกี่ยวกับ​สถาบัน​หลัก​ของชาติ​อุ๊​ตกใจมาก และคิดว่า การวิพากษ์​ที่บิดเบือน​รุนแรง​นี้ เป็น​อันตราย​ต่อความมั่นคงของชาติ​เป็น​อย่างมาก อุ๊​อยากให้​สังคมมีความ​กระตือรือร้น​ จับตามอง แนวความคิด​ที่เป็​นภัยต่อชาติ​ ศาสนา​ พระมหากษัตริย์​ อย่ากลัว​ที่จะต่อสู้​กับไอ้คนเนรคุณ​ต่อ​ประเทศ​ชาติ​ โพสต์​นี้มันก็บอกอยู่แล้ว​ว่ารังเกียจ​ประเทศ​ชาติ​ตัวเองมากขนาดไหน​ ดีแล้ว จะได้รู้กัน

หมายเหตุ​ ถ้ามึงรังเกียจ​ประเทศไทย​ขนาดนี้มึงอย่าอยู่​เลย หนักแผ่นดิน




หลังจากนั้น อุ๊ หฤทัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กอีกด้วยว่า “อยากให้อนาคตใหม่รักสถาบันหลักของชาติ เพราะประวัติศาสตร์เรา ไม่ใช่ฝรั่งเศสพวกมึงอย่ามั่ว”




ข้อความจาก หฤทัย ม่วงบุญศรี

จากกรณี นักข่าวสาวช่อง Workpoint Entertainment ใจกล้า ถามกับ กกต. เกี่ยวกับการแสดงสปิริตลาออก ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวโดยได้ระบุข้อความว่า...

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ให้กำลังใจ และเป็นห่วงนักข่าวตัวเล็กๆ คนนี้นะคะ กำลังใจของทุกท่านมีค่ากับหนูมากๆทุกคำถามที่ถาม ได้นำมาจากคอมเมนต์ ที่ทุกท่านหรือก็คือ ประชาชน อยากฝากถึง กกต. ปอเปี๊ยะ และทีมข่าวจึงขออนุญาตเป็นกระบอกเสียง และทำตามหน้าที่เท่าที่จะทำได้การที่ จนท.กกต. เรียกตัวไป เป็นเพียงการให้ข้อมูลแจ้งเบาะแสกับ กกต. เท่านั้น ไม่มีการเรียกตัวไปข่มขู่แต่อย่างใดค่ะ ในครั้งนี้ยังมีพี่ๆ สื่อจากหลายสำนักช่วยกันซักถาม ขอกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกสำนักด้วยนะคะ

หลานสาวโวย กกต. อ้างพบชื่ออาม่าตายไป 20 ปี แต่กลับมีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซ้ำเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าคูหา จี้คนมาตรวจสอบ...

เฟซบุ๊ก Sonan Phasomsup โพสต์ภาพและข้อความอ้างว่า อาม่าตายไป 20 กว่าปี แต่มีรายชื่อมีสิทธิ ออกเสียงเลือกตั้ง ทั้งที่ตอนที่อาม่าเสียชีวิตได้มีการแจ้งไปแล้ว ตรงกันข้ามกับอีกครอบครัวหนึ่งอยู่หมู่เดียวกันแต่ไม่มีรายชื่อ งงใจ กกต.

ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า ตอนแจกบัตรเลือกตั้งก็ไม่ตรวจบัตรประชาชน ใครก็กาแทนอาม่าได้ ใครว่าแน่มาตรวจสอบหน่อย #อาม่าไม่ถูกใจสิ่งนี้








thairath.co.th

แฉประวัติ ไอ้เด๋อ เป็นถึงลูกเจ้าของโรงน้ำแข็งที่อุดรฯ แต่ชีวิตพลิกผัน หลังแม่ตาย พ่อแต่งงานใหม่ แต่กลับไม่ถูกกับแม่เลี้ยง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเผย มีคนเล่าว่า เคยบีบคอแม่เลี้ยง จนต้องออกจากบ้าน

ไอ้เด๋อ จากกรณีพบศพ นางหวน อายุ 54 ปี ถูกทำร้ายร่างกายและข่มขืนจนเสียชีวิต ที่บริเวณเชิงเขาดิน หมู่ 8 ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ส่วนคนร้ายคือ นายมนตรี หรือเด๋อ ปภัสสโร อายุ 32 ปี เพื่อนของสามีผู้ตาย ขณะที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับ พร้อมตั้งค่าหัว 20,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 21 ก.พ. พ.ต.ท.พิชัยรัชช์ ภูขาว รอง ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี สั่งการให้ชุดสืบสวน นำกำลังไปตรวจสอบที่บ้าน นายมนตรี ในเขต ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี พบเพียงญาตินายมนตรี ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ก่อนหน้านี้นายมนตรี อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ต่อมาแม่เสียชีวิต พ่อได้แต่งงานใหม่ แต่นายมนตรี ไม่ถูกกับแม่เลี้ยง จึงได้ออกจากบ้านไป และเมื่อวานนี้มีคนเห็น นายมนตรี มาอาศัยอยู่ที่กระท่อมนาของญาติ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4-5 กม. ตำรวจจึงออกไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบ จึงได้ฝากชาวบ้านที่พบเห็นนายมนตรี ช่วยแจ้งเบาะแสด้วย

ด้าน นายสมพาน เกศอุบล อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองนาคำ หมู่ 1 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดแผยว่า รู้จักกับนายมนตรี ที่มีชื่อว่า เบิร์ด มานานตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนตัวคิดว่า นายมนตรี เป็นคนที่มีนิสัยดี ซึ่งแม่ของนายมนตรี เสียชีวิตนานแล้ว พ่อของนายมนตรี มีภรรยาใหม่ โดยครอบครัวมีกิจการโรงน้ำแข็ง ก่อนหน้านี้นายมนตรี ก็ทำงานส่งน้ำแข็ง

แต่ระยะหลังๆ นายมนตรี ไม่ค่อยถูกกับแม่เลี้ยง เคยมีเรื่องทะเลาะกัน ซึ่งฟังคนเล่ามาว่า นายมนตรี เคยบีบคอแม่เลี้ยง จึงทำให้ต้องออกจากบ้านไปทำงานต่างจังหวัด ที่ผ่านมาก็เห็นนายมนตรี ดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ทราบว่าติดยาบ้าหรือไม่ อยากฝากถึงนายมนตรีว่าหากทำผิดจริง ก็ขอให้ออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เสีย โทษหนักจะได้เป็นเบา

(คลิป)

โหดร้ายที่สุด ผัวซาดิสม์ ซ้อมเมียหนักกัดนมจนขาดเสียชีวิต ลากศพจัดฉากตบตาตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเมียตกบันไดตาย สุดท้ายถูกเค้นสอบหนักจนสารภาพ

วันที่ 21 ก.พ.62 ร.ต.อ.วิจารณ์ อ้อหิรัญ รองสว.สอบสวน สภ.แม่ระมาด จ.ตาก พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทัศน์ ตุ่นทิม ผกก.สภ.แม่ระมาด และกู้ภัยแม่ระมาด ตรวจสอบเหตุคนตกบันไดเสียชีวิตที่บ้านแห่งหนึ่ง

เมื่อไปถึงพบศพนางเอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เป็นชาวเมียนมา นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องครัว มีเลือดเปื้อนทั่วบริเวณห้องครัว สอบถาม นายตู่ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สามีนางเอ ซึ่งบอกกับตำรวจว่า ภรรยาตกบันไดเสียชีวิตจึงได้ลากศพมาไว้ในห้องครัวก่อนไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และแจ้งตำรวจให้มาช่วยชันสูตร

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำศพส่งตรวจที่โรงพยาบาลแม่ระมาด ผลการตรวจพบว่า นางเอไม่ได้ตกบันได แต่ถูกทำร้ายยับไปทั้งตัว มีรอยกัดตามร่างกายทั่วบริเวณ โดยเฉพาะบริเวณหัวนมถูกกัดจนขาดทั้งสองข้าง ที่ใบหน้ามีแผลฟกช้ำหลายแห่ง เมื่อเหตุการณ์พลิก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปควบคุมตัวนายตู่ ไปตรวจร่างกาย พบว่า นายตู่ มีประวัติติดโรคร้ายแรง

ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า นายตู่ ชอบทำร้ายร่างกายเมียเป็นประจำ โดยเฉพาะตอนเมาจะทำร้ายทุกครั้งจนชาวบ้านชินชา วันเกิดเหตุมาแจ้งว่าเมียตกบันไดตาย จึงแจ้งตำรวจมาพลิกศพก็พบว่าถูกทำร้ายจนตาย ซึ่ง นายตู่ มีนิสัยโหดร้าย แม้แต่มารดามาเยี่ยมบางครั้งยังถูกทำร้าย และเอาน้ำร้อนลวกแม่จนบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้มารดานายตู่ ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงกับเป็นลมต้องนอนโรงพยาบาล

ขณะที่เพื่อนบ้านตรงข้าม ระบุว่า บ้านนี้ทะเลาะกันประจำเกือบจะทุกวัน ต่างคนต่างกินเหล้าแล้วจะลงมือตบตีกัน จนชาวบ้านแถวนี้ชินชากันไปหมดแล้ว ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะ นายตู่ นิสัยดุร้ายมากๆ


thairath.co.th

เป็นบุคคลที่น่ายกย่องอีกหนึ่งคนสำหรับ ดราหนุ่มสุดเท่อย่าง แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นดาราใจบุญ เห็นใครโดยเอาเปรียบหรือชีวิตลำบากไม่ได้ เขาก็มักจะยื่นมือไปช่วยอยู่ตลอด ล่าสุดได้ใจชาวเน็ตอีกแล้วจ้า เมื่อ แทค โอนเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาทให้ น้องโก๊ะ เด็กชายยอดกตัญญูสู้ชีวิตวัย 13 ปีคนหนึ่งที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะพ่อกับแม่ ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ทั้งคู่




โดยได้โพสต์ภาพดังกล่าวผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า tack_pharunyoo พร้อมระบุข้อความว่า… จัดไปพี่สาว @tukky66 ไม่เคยดูไมค์หมดหนี้เลยแต่ครั้งนี้ต้องดูน้องเค้า ขอบคุณพี่ @tukky66 มากครับ#ใครมีก็แบ่งปัน#เข้าวัดพี่ไม่ถนัดว่ะพี่ต้องทางนี้#หัวอกคนเป็นพ่อ








ชมคลิป

ชายวัย59ปี ที่นครนายก กลายเป็นศพ นอนตายพร้อมปลาดุกที่ลากขึ้นมาจากบ่อปลาของชาวบ้าน ขณะที่เจ้าของบ่อเผย พบร่องรอยคนลักปลา เลยขึงลวดปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ เพื่อป้องกันหัวขโมย

เวลา 15.00 น.วันที่ 15 ธ.ค. ร.ต.อ.สุรินทร์ สมบุตร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครนายก ได้รับแจ้งมีคนถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต ที่บ่อเลี้ยงปลา หลังวัดชวดบัว หมู่ 5 ต.ดอนยอ อ.เมือง นครนายก จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.นครนายก และหน่วยกู้ภัยสว่างอาริยะ (นครนายก)

ที่เกิดเหตุ เป็นบ่อเลี้ยงปลาดุกขนาดใหญ่ในเนื้อที่หลายไร่ จำนวน 20 บ่อ ที่ขอบบ่อข้างต้นกล้วยพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายสอน ธรรมประดิษฐ์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 4 ต.ดอนยอ อ.เมืองนครนายก นอนหงายเหยียดยาว ลำตัวทับลวด อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ มีอวนและปลาดุกประมาณ 20 กิโลกรัม ติดอยู่ในอวนวางอยู่บนหน้าขา ปลาเริ่มเน่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง

จากการสอบถามนายสมคิด ทองอิ่ม อายุ 44 ปี เจ้าของบ่อปลา บอกว่า ก่อนหน้านี้มาตรวจดูบ่อปลาพบปลาดุกที่เลี้ยงไว้ตกเรี่ยราดอยู่ขอบบ่อ คิดว่ามีคนแอบมาขโมย จึงล้อมรั้วปล่อยกระแสไฟฟ้าป้องกันขโมย บ่ายวันนี้เดินมาดูอีกคครั้ง ก็พบมีคนถูกไฟฟ้าช็อตตายอยู่ขอบบ่อ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายมาขโมยลากอวนในบ่อปลา พอได้ปลาก็ลากถอยหลังขึ้นมาในขณะตัวเปียก สะดุดเส้นลวดที่เจ้าของขึงล้อมรอบบ่อปลาปล่อยกระแสไฟฟ้าเอาไว้ ทำให้ถูกไฟฟ้าช็อตหงายท้องเสียชีวิตคาที่ จึงให้หน่วยกู้ภัยฯ นำศพส่งชันสูตรที่ รพ.ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มศว อ.องครักษ์ และจะสอบปากคำเจ้าของบ่อปลาให้ละเอียด ก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป







thairath

ผ่านวิกฤตหลังคลอด แม่ยังไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกน้อย ล่าสุด เอมมี่ มรกต คุณแม่ป้ายแดง เผยภาพแรกของลูกชายในอ้อมกอด พร้อมข้อความสุดซึ้งว่า

“..กอดแรก #สู้ไปด้วยกันนะคับลูก #SonOfSirJamesPlace #SirJamesPlace” โดยมีบรรดาแฟนคลับและคนเข้ามาร่วมกดไลก์จำนวนมาก พร้อมให้กำลังใจเด็กน้อย ให้แข็งแรงไวๆ รวมทั้งคุณแม่ด้วย

โดยก่อนหน้า เอมมี่ เพิ่งออกมาเปิดใจหลังคลอด ถึงสาเหตุที่ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกว่า จากอาการรกเกาะต่ำมาตั้งแต่แรก จึงต้องเฝ้าระวังกันมาตลอด เนื่องจากน้องต้องคลอดในสัปดาห์ที่ 38 แต่ว่าพอเข้าสู่สัปดาห์ที่ 35 คุณหมอก็เริ่มเตือนแล้วว่าให้ระวังตัว เพราะน้องสามารถมาในช่วงเวลาไหนก็ได้ ถ้าเขาคลอดออกมาแบบฉุกเฉินตัวเอมมี่จะเสียเลือดเยอะ และถ้าหากเอมมี่เสียเลือดเยอะ จะเป็นอันตรายต่อแม่ถึงขั้นตัดมดลูกทิ้งได้เลย ซึ่งล่าสุด หมอได้ผ่าคลอดลูกชายคนแรกของเอมมี่ ด้วยน้ำหนัก 2,440 กรัม เวลา 16.38 น. เมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา และต้องอยู่ในตู้อบ ห้องอภิบาลทารกแรกเกิดหรือหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤต








khaosod.co.th

สาวเมืองคอน เล่านาทีประจันหน้าไอ้หื่น แก้ผ้าถีบประตูบุกเข้า ฉุดไปกดน้ำต่อหน้าลูกชายวัย 5 ขวบ ถอดเสื้อผ้า พยายามข่มขืน กัดยับทั้งซอกคอ ใบหู ศีรษะ บอกถ้าไม่มีคนช่วย คงตายไปแล้ว ตำรวจแจ้ง 5 ข้อหาหนัก

กรณีเหตุการณ์นายอรุณศักดิ์ เอียดวิจิตต์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้บุกพังประตูเข้าไปในบ้านเลขที่หลังหนึ่งในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช แก้ผ้า แล้วฉุดลากเอาหญิงอายุ 32 ปี ไปกลางทุ่งแล้วทำร้ายร่างกาย พยายามจับหญิงเคราะห์ร้ายถอดเสื้อผ้าแล้วปลุกปล้ำข่มขืน ขณะที่ชาวบ้านมาช่วยไว้ได้และรุมประชาทัณฑ์นายอรุณศักดิ์ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนจนน่วมก่อนแจ้งตำรวจคุมตัวไปดำเนินคดี

ความคืบหน้าช่วงสายวันที่ 15 ธ.ค. ที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช หญิงผู้เสียหายซึ่งได้ออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังจากแพทย์ได้ทำแผล เข้าพบกับ พ.ต.ท.อภิชาติ คชเวช รองผกก.(สอบสวน) และร้อยตำรวจเอกธวัชชัย ศรีใหม่ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายอรุณศักดิ์ ตามขั้นตอนการดำเนินคดีอาญา โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำหญิงผู้เสียหายไว้อย่างละเอียด รวมทั้งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ขณะที่สภาหญิงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บหลายจุดโดยเฉพาะซอกคอและกกหู มีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกคนร้ายใช้ปากกัด เย็บไปถึง 6 เข็ม ศีรษะถูกกัดจนผมหลุดเป็นกระจุก ต้นขาถูกกัดเป็นรอยช้ำหลายจุดเช่นกัน ซึ่งผู้เสียหายยังคงอยู่ในสภาพหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนบ้านหลังเกิดเหตุ ทางญาติได้เข้ามาช่วยดูแลลูกชายของผู้เสียหาย และซ่อมแซมประตูบ้านที่คนร้ายพังเข้ามา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดต่อหน้าลูกชายอายุเพียง 5 ขวบ ที่ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังได้อย่างละเอียดโดยระบุว่าขณะเกิดเหตุได้วิ่งไปหลบหลังตู้เย็น

หญิงสาวผู้เสียหายในคดีนี้ ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดว่า ขณะที่เกิดเหตุกำลังอยู่ที่บ่อน้ำหน้าบ้าน คนร้ายบุกเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีคล้ายคนเมา อ้างว่ามีอาการมึนศีรษะ เห็นท่าไม่ดีจึงได้ตักน้ำให้ทันทีคนร้ายได้เข้ามากระชากแขนแต่ได้ใช้ขันตีศีรษะคนร้ายแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านปิดประตู

จากนั้นเพียงไม่ถึง 1 นาที คนร้ายได้พังประตูเข้ามาในสภาพเปลือยกาย ตนเองจึงวิ่งสวนออกมาเพื่อไปร้องขอความช่วยเหลือ แต่คนร้ายตามทันแล้วกดไว้กับแอ่งน้ำแต่ยังพยายามดิ้นรนร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่ถูกชกถูกกัดหลายจุดพร้อมทั้งพยายามกระชากเสื้อผ้า ซึ่งหากไม่มีคนมาช่วยคิดว่าไม่น่ารอดชีวิตเนื่องจากถูกกดศีรษะลงไปในน้ำจนหมดแรงไปแล้ว

ผู้เสียหายยังบอกด้วยว่าไม่เคยรู้จักกับคนร้ายมาก่อน ยอมรับว่าหวาดกลัวมาก และไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นอีกหรือไม่ หรือมาด้วยกันกี่คน แต่ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อตำรวจบอกว่าจะดำเนินคดีกับคนร้ายในข้อหาหนัก และถือว่าโชคดีที่ไม่ตายและลูกไม่ได้รับอันตราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้แจ้งข้อหา เมาสุราอาละวาด, บุกรุกเคหสถานผู้อื่นในยามวิกาล, กระทำอนาจาร, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และพยายามข่มขืนกระทำชำเรา โดยเตรียมขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาในวันพรุ่งนี้ พร้อมรอผลการตรวจสารเสพติด จากแพทย์รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช หากฃพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จะข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก

thairath.co.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เฉลิมพล มาลาคำ ได้แจ้งข่าวเศร้าผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “ศักดิ์ ภูเวียง จากพี่น้องไปแล้วเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันนี้ 14 ธ.ค.61 ขอแสดงความเสียใจด้วยกับครอบครัวครับ”

โดย ศักดิ์ ภูเวียง หรือ นายทรงกรด ยงค์ดา วัย 45 ปี เจ้าของเพลง “อยากมีคนคิดฮอด”, “คิดฮอดสิอดเอา”, “แนวคนเคยกอด”, “วันงานประหารใจ” กำลังป่วยหนักด้วยโรคเบาหวาน อาการทรุดหนัก แต่ไม่มีเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องอาศัยอยู่ที่ “วัดชัยมงคลวนาราม” จังหวัดขอนแก่น

ภาพขณะเข้าไปช่วยเหลือเมื่อปี 2558

โดยมี “พระอธิการสุวิทย์ อภิชาโต” เจ้าอาวาสวัด เป็นผู้อุปถัมภ์ มี “นางศิริโฉมนภา ยงค์ดา” หรือ “หมวย” อายุ 29 ปี ผู้เป็นภรรยา คอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ ขณะเดียวกันก็ต้องดิ้นรนออกหาเงินด้วยการพาสามีนั่งรถเข็นร้องเพลง ต่อมาพบว่า แฟนคลับได้ร่วมกันจัดคอนเสิร์ตเพื่อหารายได้ให้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

khaosod.co.th

กระบะทับซ้ำดับคาที่ – วันที่ 15 ธ.ค. พ.ต.ท.นภดล แก้วชนะ รอง ผกก.(หัวหน้าสอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต จึงประสานกู้ชีพเทศบาลลำปลายมาศ และเจ้าหน้าที่ร.พ.ลำปลายมาศ รุดไปที่เกิดเหตุ อยู่บนถนนสาย 226 (บุรีรัมย์ – นครราชสีมา) บริเวณทางโค้งเย้ยม่วง บ้านเย้ยม่วง ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ เมื่อไปถึงพบจักรยานยนต์ จอดคว่ำอยู่ข้างทาง ห่างไปประมาณ 50 เมตร มีรอยเบรกเป็นทางยาว ก่อนพบรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน ยง 9703 นครราชสีมา จอดอยู่ข้างทาง ข้างหน้ามีรอยชน

ใกล้กับรถยนต์กระบะ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 18 ปี สวมเสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์ สภาพเลือดออกที่ศีรษะ จมูก ไหลนองเป็นกองจำนวนมาก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพยายามปั้มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตรวจดูเอกสารก็ไม่ทราบชื่อ – นามสกุล เนื่องจากตรวจสอบในตัวผู้เสียชีวิตไม่พบหลักฐานหรือเอกสารระบุตัวตน

สอบถามนาย ทองคำ แก้วศรี อายุ 67 ปี ตาของผู้เสียชีวิต เล่าว่าตนและหลานมาจาก ต.ผไทรินทร์ กำลังจะขับรถ เพื่อเข้าไปในตัวเมือง อ.ลำปลายมาศ เพื่อไปกดเงินบัตรคนจนที่ธนาคาร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีรถมาเบียดด้านซ้าย ทำให้ไปเฉี่ยวกับกระจก รถจึงเสียหลักล้มลงแล้วไปชนกับรถอีกคัน


ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเห็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์วิ่งคู่มากับจักรยานยนต์ ลักษณะรถฟอร์จูนเนอร์มาเบียดด้านซ้ายของรถจักรยานยนต์ แล้วไปเฉี่ยวกับ กระจกข้างของรถฟอร์จูนเนอร์ก่อนเสียหลักข้ามเลนมาทางขวา เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะที่สวนมาอยู่คันหลังรถตนเอง ชนเข้าอย่างจังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว และรถฟอร์จูนเนอร์คู่กรณี จอดดูแล้วขับหนีไปทาง เส้นเข้าเมือง อ.ลำปลายมาศ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ ให้กู้ชีพนำผู้เสียชีวิตไปโรงพยาบาลเพื่อตามหาญาติ และจะได้ติดตามดูภาพกล้องวงจรปิดเพื่อหาข้อมูล ข้อเท็จจริงในคดี สาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ต่อไป











khaosod.co.th

กลายเป็นเกาเหลารสแซ่บในวงการสาวเซ็กซี่ไปซะแล้ว เมื่อ น้ำเพชร-ฏีญาร์ภา กฤษณสุวรรณ ออกมาเสิร์ฟดราม่าร้อนๆ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Petch Teeyapar ด้วยการเผยภาพร่องรอยบาดแผลจากการถูกจิกตบ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทอย่าง มะยม แม็กซิม ขณะที่ทั้งคู่เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันที่ มาเก๊า ประเทศจีน


ซึ่งหลังจากที่ภาพถ่ายและข้อมูลรายละเอียดการถูกทำร้ายของ น้ำเพชร ฏีญาร์ภา ถูกโพสต์ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ฟันธงว่าเหตุการณ์นี้ใครคือคนที่ถูกหรือผิด เนื่องจากอยากฟังคำชี้แจงจากฟากของ มะยม แม็กซิม ก่อน

ขณะเดียวกันเมื่อเข้าไปส่องในช่องสตอรี่อินสตาแกรมของสาวน้ำเพชรในคืนวันเกิดเหตุ ก็จะเห็นได้ว่าเจ้าตัวและสาวมะยมดูมีความสุขกับทริปพักผ่อนในครั้งนี้มาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคลิปการโชว์สเต็ปแดนซ์แซ่บเวอร์ จัดเต็มทุกท่างท่าของสาวน้ำเพชร ขณะกำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงในผับหรูใจกลางเมืองมาเก๊า ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมงที่เจ้าตัวจะออกมาโพสต์ว่าถูกเพื่อนซี้ทำร้ายจนใบหน้าเสียโฉม

ซึ่งดราม่าครั้งนี้จะจบแบบไหน หรือจะมีภาคต่อออกมาให้ปูเสื่อรอกันอีกหรือไม่นั้น เห็นทีเราต้องรอดูกันไปยาวๆ แล้วล่ะจ้า

























sanook.com